
ไม่ใช่แค่ "ติดพนัน" ทำให้ "นายแย้ม" ยักยอกเงินวัดไร่ขิง 300 ล้าน
รองผบช.ก. เผย เตรียมเรียก "เตย-แฟนหนุ่ม" รอบ 2 เชื่อกุมความลับวัดไร่ขิง ขณะที่การสืบสวนเชื่อ ไม่ใช่แค่ติดพนัน แต่ "นายแย้ม" เคยถูกขู่แบล็กเมล์
ความคืบหน้าคดี นายแย้ม อดีตเจ้าอาวาส อายุ 70 ปี ถูกจับกุมฐานยักยอกเงินวัดไร่ขิง ตั้งเเต่ปี 2564 กว่า 300 ล้านบาท โดยพบว่าโอนเงินดังกล่าวให้กับสาวคนสนิท นายหน้าเว็บพนัน ต่อมาเจ้าหน้าที่จับกุม น.ส.อรัญญาวรรณ และ อดีตพระมหาเอกพจน์ คนสนิทเจ้าอาวาส หลังพบเส้นทางการเงินเชื่อมโยง
18 พ.ค. 2568 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. เปิดเผยว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องกว่า 10 คน รวมทั้ง น.ส.เตย เจ้าของร้านกาแฟ ที่อดีตเจ้าอาวาสลงทุนเปิดร้านให้และแฟนหนุ่มที่เป็นทหาร มีชื่อเป็นเจ้าของรถทุกที่นายแย้มใช้งาน
จากการสอบปากคำ น.ส.เตย และ แฟนหนุ่มเบื้องต้น ยังไม่ให้การอะไรมาก คาดว่าทั้ง 2 คนนี้ น่าจะกุมความลับเรื่องเงินทั้งหมดของวัดไว้ หลังจากนี้อาจต้องเชิญตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง และ ในวันพรุ่งนี้ 19 พ.ค. ชุดสืบสวนสอบสวนและคณะทำงานจะเข้าไปตรวจสอบเพิ่มเติมที่วัดไร่ขิงอีกครั้ง เพื่อสืบหาข้อเท็จจริงในบางประเด็นที่ยังมีข้อเคลือบแคลงสงสัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะเจ้าหน้าที่พูดคุยซักถามข้อเท็จจริง พยานบางรายยอมรับว่า อดีตเจ้าอาวาส เคยใช้ให้ไปเบิกถอนเงินของวัดออกมาเป็นเงินสด แล้วนำไปฝากตู้อัตโนมัติโอนต่อไปยังบัญชีธนาคารของ น.ส.อรัญญาวรรณ เพื่อเล่นพนันจริง แต่สุดท้ายเมื่อเข้าสู่กระบวนการสอบปากคำที่จะมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเป็นทางการ พยานบุคคลบางรายกลับเปลี่ยนคำให้การอ้างว่า อดีตเจ้าอาวาส ไม่ได้เล่นพนันออนไลน์ แต่เงินที่โอนไปให้ น.ส.อรัญญาวรรณ เป็นเพียงการกู้ยืมเงินเท่านั้น
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า วัตถุพยานหลักฐานบางส่วนมีลักษณะคล้ายกับถูกจัดวางหรือจัดเตรียมไว้ เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่ตรวจยึด โดยเฉพาะหลักฐานเกี่ยวกับเอกสารสัญญาการกู้ยืมเงินของ น.ส.อรัญญาวรรณ กับมูลนิธิวัด คล้ายต้องการเบี่ยงเบนแนวโน้มทิศทางคดีให้มุ่งไปในทำนองว่า เป็นการกู้ยืม ไม่ใช่นำไปเล่นพนันออนไลน์ แต่อย่างไรก็ตามการนำเงินวัดออกไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ หรือใช้ส่วนตัวก็ยังถือ เป็นความผิด
หากย้อนกลับไปช่วงปลายปี 2567 ที่ผ่านมา ที่ น.ส.อรัญญาวรรณ ถูกตำรวจ บช.สอท. จับกุมดำเนินคดีพัวพันรับผลประโยชน์จากเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ “LAGALAXY911” เจ้าตัวเองอ้างว่า ตัวเองเป็นเพียงลูกค้าหรือผู้เล่นพนันเท่านั้น ไม่ใช่นายหน้าหรือโบรกเกอร์รับแทงพนัน ส่วนเงินจำนวนมากที่มีคนโอนเข้ามา อ้างว่าเป็นเงินที่กู้ยืมมาลงทุนธุรกิจ จึงทำให้มองว่าการกระทำดังกล่าวก็เพื่อต้องการเปลี่ยนข้อหา จากผู้จัดให้มีการเล่นพนัน เป็น ผู้ร่วมเล่นพนันแทน เพื่อให้ได้รับโทษน้อยลง รวมถึงได้รับทรัพย์สินต่างๆมูลค่ารวมหลายสิบล้านบาทที่ถูกอายัดไปกลับคืนมา
อีกทั้งยังสอดคล้องช่วง น.ส.อรัญญาวรรณ ถูกตำรวจ บช.สอท. จับกุม นายแย้ม ก็รีบสั่งการให้ นายเอกพจน์ หรือ อดีตพระเอกพจน์ พระลูกวัดคนสนิท ลาสิกขาจากความเป็นพระ แล้วหนีไปหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ จ.สุโขทัย ทันที เพื่อป้องกันไม่ให้มีการสืบสาวตรวจสอบความเชื่อมโยงเส้นทางการเงินถึงตนเอง เนื่องจากนายแย้ม เคยสั่งให้นำเงินโอนไปเล่นพนันผ่าน น.ส.อรัญญาวรรณ หลายครั้ง
ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีมีพยานหลักฐานเส้นทางการเงินเป็นข้อมูลสเตทเม้นธนาคาร ที่มีการระบุยอดเงิน ช่วงเวลาที่โอนเงิน ตั้งแต่เริ่มโอนเงินจากบัญชีธนาคารวัด เข้าสู่บัญชีธนาคารส่วนตัวของนายแย้ม แล้วโอนไปยังบัญชีธนาคารของ น.ส.อรัญญาวรรณ ก่อนจะโอนต่อไปยังบัญชีเครือข่ายเว็บพนัน ในช่วงไทม์ไลน์ไล่เลี่ยกันและมีจำนวนเงินสอดคล้องกัน ถึง 11 ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 15 ล้านบาท และยังมีคลิปเสียงบันทึกการสนทนาพูดคุย ในลักษณะทวงเงินติดค้างค่าแทงพนัน และ คำให้การของพยานบุคคลบางรายที่ยอมรับว่า เคยได้ยินอดีตเจ้าอาวาสพูดคุยเรื่องผลได้ผลเสียจากการแทงพนัน
นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของ นายแย้ม กับ น.ส.อรัญญาวรรณ เพราะสืบสวนพบ ทั้งคู่เริ่มสนิทสนมกันมาตั้งแต่ปี 2563 และ ไม่ได้มีการติดพูดคุยกันเฉพาะเพียงแค่เรื่องแทงพนันเท่านั้น หากแต่ยังมีการพูดคุยกันในลักษณะลามกอนาจาร หรือ เซ็กโฟน ผ่านวิดีโอคอลอยู่บ่อยครั้ง
โดยต้นปีที่ผ่านมา น.ส.อรัญญาวรรณ โทรศัพท์ขอเงินจำนวนมาก จาก นายแย้ม อ้างว่าจะนำไปใช้หนี้จากการลงทุนเปิดร้านที่ตลาดแห่งหนึ่งเป็นการด่วน เพราะโทรศัพท์มือถือได้ถูกเจ้าหนี้ยึดไว้ หากไม่รีบนำเงินไปจ่ายเจ้าหนี้ เพื่อไถ่ถอนโทรศัพท์กลับคืน เสี่ยงต่อการที่ข้อมูลความลับเรื่องคลิปฉาวที่เคยแอบบันทึกไว้ในเครื่องจะถูกพบโดยบุคคลภายนอก จึงทำให้นายแย้ม เกิดความโมโหและเป็นกังวล นำเรื่องไปปรึกษาลูกศิษย์และพระลูกวัดคนสนิท ก่อนจะเรียกตัว น.ส.อรัญญาวรรณ มาสอบถาม จนทราบข้อเท็จจริงว่า ไม่ได้มีการติดหนี้เจ้าของตลาดจนถูกยึดโทรศัพท์มือถือ ทำไปเพียงเพราะต้องการเงิน แต่เพื่อป้องกันไม่ให้ น.ส.อรัญญาวรรณ นำเรื่องคลิปฉาวมาข่มขู่เรียกเงินจาก นายแย้ม อีก จึงให้ น.ส.อรัญญาวรรณ นำโทรศัพท์มือถือเครื่องดังกล่าว มาทุบทำลายทิ้งต่อหน้า และ ขอให้ยุติเรื่องราวความสัมพันธ์ทั้งหมดลง